หนึ่งวันในฮิโรชิมา

โพสโดย Travinsider, 1/1/2020destination
hiroshima2 unsplash-logoRap Dela Rea

ร่วมรำลึกถึงประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมือง ฮิโรชิมา

ถ้าพูดถึงเมืองประวัติศาสตร์ในญี่ปุ่น ฮิโรชิม่าก็คงเป็นหนึ่งในเมืองที่ทุกคนทั่วโลกนึกถึงกัน เพราะเป็นเมืองที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากอเมริกาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปัจจุบันยังคงหลงเหลือเศษซากแห่งความเสียหายให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวได้ระลึกถึงความแลวร้ายของสงคราม

มาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ นอกจากจะเที่ยวโตเกียวแล้ว เราจึงตั้งใจมาเที่ยวฮิโรชิม่าด้วย เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และยังมีสถานที่ที่มรดกโลกอีกด้วย

สำหรับการเดินทาง แม้ฮิโรชิม่ากับโตเกียวจะอยู่ห่างถึง 811 กิโลเมตร แต่เราก็ไม่ต้องเดินทางข้ามวันข้ามคืน นั่งปวดหลังตลอดทาง เพราะเรามีตั๋ว JR pass ทำให้เรานั่งรถไฟชินคังเซ็น เดินทางข้ามภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย ในราคาประหยัด

ก่อนเดินทาง 1 วันเราต้องไปจองตั๋ว ที่สำนักงานรถไฟ JR ก่อน จากนั้นเราจะได้บัตรมา จากนั้นจำเวลาขึ้นรถให้แม่น เพราะต้องขึ้นรถไฟให้ตรงเวลา เป๊ะๆๆๆๆ

เราเดินทางจากสถานีรถไฟโตเกียวเวลาประมาณ ตี 5 แล้วเปลี่ยนรถไฟ 1 ครั้งที่สถานีรถไฟฟ้าโอซากะ แล้วเดินทางต่อไปที่เมืองฮิโรชิม่า รวมๆ แล้วเราใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 5 ชั่วโมง

hiroshima1

พอถึงแล้ว เราฝากกระเป๋าไว้ที่ ล็อคเกอร์หยอดเหรียญ ก่อนจะนั่งรถ Hiroshima Sightseeing Loop Bus "Hiroshima Meipuru~pu" ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆในเมือง ซึ่งเราสามารถใช้บัตร JR pass เดินทางได้ โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเลย เพียงแค่เราต้องแสดงตั๋ว JR pass ก่อนขึ้นรถ เจ้าหน้าที่ก็จะปั๊มตราบนตั๋วของเรา เท่านี้เราก็นั่งรถเที่ยวได้อย่างสบายใจค่ะ

hiroshima2 1

ระหว่างทางเราจะเห็นได้ว่าเมืองนี้มีตึกสูงใหญ่มากมายและมีความเจริญไม่แพ้โตเกียว มีรถรางไว้ให้ชาวเมืองสัญจรไปมา

hiroshima3
hiroshima4
hiroshima5

ที่แรกที่เราไปคือ โดมระเบิดปรมาณู ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยังคงหลงเหลืออยู่หลังจากเสียหายจากอาวุธนิวเคลียร์ แต่เดิมนั้นโดมแห่งนี้ถูกสร้างเมื่อปี คศ. 1915 เป็นสถานที่สำหรับจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ภายในจังหวัดฮิโรชิม่า และเป็นสถานที่สำหรับการจัดนิทรรศการศิลปะ และกิจกรรมอื่นๆ ของจังหวัดฮิโรชิม่า ผู้ออกแบบคือสถาปนิก ชื่อ นายช็อง แร็กเซล สถาปนิกชาวเช็กโกสโลวาเกีย ซึ่งหลังจากได้รับความเสียหายจากระเบิดนิวเคลียร์ อาคารแห่งนี้ก็ไม่ได้เปิดใช้งานอีกเลย

ในเดือนธันวาคม ปีค.ศ. 1996 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 20 ขององค์การยูเนสโก โดมระเบิดปรมาณู ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกในฐานะที่เป็นอาคารที่สื่อถึงการทำลายล้างโดยสิ้นเชิงจากอาวุธนิวเคลียร์

hiroshima6 Fezbot2000

ต่อมาคือ พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมะ ที่อยู่ไม่ไกลจาก โดมระเบิดปรมาณู มากนัก เรานั่งรถ Hiroshima Sightseeing Loop Bus ไปซึ่งใช้เวลาไม่นาน พิพิธภัณฑ์มีค่าเข้าชม 200 เยน ภายในมีจัดแสดงนิทรรศการความเสียหายที่เกิดขึ้น หลังจากฮิโรชิม่าถูกทำลายด้วยระเบิดนิวเคลียร์ "ลิตเติลบอย" และความโหดร้ายของสงครามในครั้งนั้น ที่มีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แม้เหตุการณ์เลวร้ายจะผ่านไปแต่ชาวเมืองรุ่นต่อมายังได้รับผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสี ทำให้เกิดอาการป่วย และผิดปกติทางร่างกาย

hiroshima7
hiroshima8
hiroshima9
hiroshima10
hiroshima11

จากนั้นเราก็ลงมาที่ อนุสาวรีย์ที่ระลึกถึงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากระเบิดปรมาณู ,เปลวไฟแห่งสันติภาพ,สระน้ำแห่งสันติภาพ ซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า

hiroshima12 unsplash-logoFezbot2000

hiroshima13 unsplash-logoAlvianus Dengen

ต่อไปเรานั่งรถบัสกลับไปที่สถานีรถไฟฮิโรชิม่า และนั่งรถไฟสถานี Miyajimaguchi Station แล้วเดินไปต่อ ที่ท่าเรือเพื่อนั่งเรือเฟอร์รี่ ต่อไปที่เกาะมิยาจิมะ ซึ่งมี ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและ มรดกโลกอีกแห่งของเมืองฮิโรชิม่า ซึ่งเราไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเพราะเรือเป็นของบริษัท JR เพียงแค่แสดงตั๋ว เราก็ขึ้นเรือได้เลยจ้า

hiroshima26
hiroshima19 unsplash-logoJoe deSousa

บรรยากาศตอนนั่งเรือ

hiroshima20

บนเกาะจะมีกวางเดินเล่นอยู่ทั่วเกาะ

hiroshima14 unsplash-logoKarsten Gohm

ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ

hiroshima15 unsplash-logoFezbot2000

hiroshima21
hiroshima22
hiroshima25
hiroshima24
hiroshima23
hiroshima18 unsplash-logoMattia Serrani

บรรยากาศดีมากค่ะเพราะติดทะเล มีร้านอาหาร มีโรงแรมอยู่บนเกาะด้วยนะคะ พอเราเดินเล่นรอบเกาะเรียบร้อยแล้ว เรากลับมาเอากระเป๋าที่สถานีรถไฟฮิโรชิม่า แล้วเดินทางไปที่พัก โดยแท็กซี่ พักผ่อนสำหรับวันพรุ่งนี้เตรียมตัวที่จะเดินไป โอซากะกันต่อ


Tip

ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่า เกาะมิยาจิมะ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่อยู่ของเทพเจ้า เดิมทีไม่อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปขึ้นมายังเกาะแห่งนี้ แต่ต่อมาก็ได้มีการผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าชม และยังได้มีการสนับสนุนการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยให้มีการเปิดกิจการโรงแรมและร้านค้าบนเกาะได้ แต่อย่างไรก็ตามการตายบนเกาะนี้ถือเป็นสิ่งต้องห้าม และห้ามฝังศพที่นี่ ดังนั้นหากมีคนป่วยหนักจึงต้องนำตัวไปรักษานอกเกาะตามความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนาน